Incentive

ต้องบอกเลยว่า Incentive และ Commission เป็นสองคำที่มักจะถูกใช้อย่างสับสนกัน เนื่องจากทั้งสองคำนี้เป็นเครื่องมือที่ใช้เป็นการกระตุ้นพนักงาน สร้างแรงจูงใจให้ทำงานได้ดีขึ้น แม้ว่าจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่การใช้งานและวัตถุประสงค์ ซึ่งหากธุรกิจใดที่มีการบริหารจัดการทีมขาย และกำลังมองหาวิธีการกระตุ้นสร้างแรงจูงใจพนักงานขายอยู่ละก็ ก็อาจจะสับสนได้ง่าย ๆ วันนี้ Venio เลยมารวบรวมข้อสงสัยว่า Incentive กับ Commission แตกต่างกันอย่างไร รวมไปถึงตัวอย่างการคิด ไปดูกันได้ในบทความนี้

Incentive คืออะไร?

Incentive คือ รางวัลหรือผลตอบแทนที่องค์กรมอบให้พนักงานเพื่อกระตุ้นให้พวกเขามีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น โดยปกติ Incentive จะไม่จำกัดเฉพาะทีมขาย แต่สามารถใช้กับพนักงานทุกคนในองค์กรได้ รูปแบบของ Incentive อาจจะเป็นได้ทั้งเงินโบนัส ของขวัญ ประสบการณ์พิเศษ หรือแม้กระทั่งวันหยุดพิเศษ

ตัวอย่างการคิด Incentive

1. โบนัสตามผลงานรายปี: บริษัท A มีการให้โบนัสปลายปีสำหรับพนักงานที่ทำผลงานดีตลอดทั้งปี โดยใช้การประเมินผลการทำงานจาก KPI (Key Performance Indicator) ของแต่ละคน

  • พนักงานที่ทำคะแนน KPI ได้ 90-100% จะได้รับโบนัสเท่ากับ 15% ของเงินเดือนประจำปี
  • พนักงานที่ทำคะแนน KPI ได้ 80-89% จะได้รับโบนัสเท่ากับ 10% ของเงินเดือนประจำปี
  • พนักงานที่ทำคะแนน KPI ได้ 70-79% จะได้รับโบนัสเท่ากับ 5% ของเงินเดือนประจำปี

ตัวอย่าง: นางสาวสมศรี มีเงินเดือนประจำปีรวม 600,000 บาท และมีคะแนน KPI 92%

  • โบนัสที่ได้รับ = 15% ของ 600,000 = 90,000 บาท

2. ทริปท่องเที่ยวสำหรับทีมที่บรรลุเป้าหมาย: บริษัท B มีการจัดทริปท่องเที่ยวสำหรับทีมที่สามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยเป้าหมายคือการเพิ่มยอดขายทั้งทีมให้ได้ 20% ภายใน 6 เดือน

  • หากทีมสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ ทีมจะได้ทริปท่องเที่ยวฟรีไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่บริษัทกำหนด

Commission คืออะไร?

Commission คือผลตอบแทนที่พนักงานได้รับ จากการที่ทำยอดขายหรือการบรรลุเป้าหมายได้ ค่าคอมมิชชั่นมักจะเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างรายได้ของทีมขาย โดยจะได้รับเป็นเงินตามเปอร์เซ็นต์ของยอดขายที่ทำได้

ตัวอย่างการคิด Commission

1. ค่าคอมมิชชั่นจากยอดขาย: บริษัท C มอบค่าคอมมิชชั่นให้กับพนักงานขายเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขายที่ทำได้

  • พนักงานขายจะได้รับค่าคอมมิชชั่น 5% ของยอดขายที่ทำได้ในแต่ละเดือน

ตัวอย่าง: นายสมชาย ทำยอดขายได้ 200,000 บาทในเดือนมิถุนายน

  • ค่าคอมมิชชั่นที่ได้รับ = 5% ของ 200,000 = 10,000 บาท

2. ค่าคอมมิชชั่นพิเศษสำหรับสินค้าพิเศษ: บริษัท D มีการมอบค่าคอมมิชชั่นพิเศษสำหรับพนักงานขายที่สามารถขายสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าสูง

  • สำหรับการขายสินค้าราคา 1,000,000 บาท พนักงานจะได้รับค่าคอมมิชชั่น 2%
  • สำหรับการขายสินค้าราคา 2,000,000 บาท พนักงานจะได้รับค่าคอมมิชชั่น 3%

ตัวอย่าง: นางสาวอรทัย ขายสินค้าได้มูลค่า 2,000,000 บาทในเดือนกรกฎาคม

  • ค่าคอมมิชชั่นที่ได้รับ = 3% ของ 2,000,000 = 60,000 บาท

ความแตกต่างระหว่าง Incentive และ Commission

1. วัตถุประสงค์

Incentive มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานทุกคน ไม่จำกัดเฉพาะทีมขาย Commission มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นไปที่การกระตุ้นให้ทีมขายทำยอดขายตามเป้าหมายที่กำหนด

2. รูปแบบการให้รางวัล

Incentive สามารถเป็นได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเงิน ของขวัญ หรือประสบการณ์
Commission มักจะเป็นเงินที่ได้ตามเปอร์เซ็นต์ของยอดขาย

3. การใช้ในองค์กร

Incentive ใช้ได้กับทุกคนในองค์กร เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนทำงานได้ดีขึ้น
Commission มักใช้เฉพาะกับทีมขายหรือพนักงานที่มีหน้าที่ในการสร้างยอดขาย

สรุป

การเลือกใช้ Incentive และ Commission ให้เหมาะสม ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กร การสื่อสารที่ชัดเจนและการติดตามผลจะช่วยให้การใช้ Incentive และ Commission เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานได้อย่างเหมาะสมอย่างไร ยังไงลองนำไปปรับใช้ให้เข้ากับธุรกิจของคุณได้เลย

ติดตามเกร็ดความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับ CRM และการบริหารงานขายได้ที่
Blog www.veniocrm.com/blog 
Facebook www.facebook.com/veniocrm
Twitter:  www.twitter.com/veniocrm
Youtube
:  
www.youtube.com/veniocrm


Tags

commission


บทความที่คุณอาจสนใจ

>
Success message!
Warning message!
Error message!