7 เทคนิคในการเพิ่ม Sales Performance สำหรับทีมขายของคุณ

การเพิ่มประสิทธิภาพการขายเป็นหัวใจสำคัญในการนำพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จและความยั่งยืน เมื่อทีมขายมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ย่อมหมายถึงการเพิ่มรายได้และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง วันนี้ Venio ได้รวบรวม 7 เทคนิคสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างความสามารถและประสิทธิภาพในการขายของทีมคุณ

ก่อนอื่นทำความรู้จักกันก่อน Sales Performance คืออะไร

Sales Performance คือ การวัดและประเมินผลการทำงานของทีมขายในด้านต่าง ๆ เช่น จำนวนยอดขายที่ทำได้ ความสามารถในการปิดการขาย ประสิทธิภาพในการหาลูกค้าใหม่ และการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิม การประเมิน Sales Performance ช่วยให้ผู้จัดการทีมขายสามารถระบุจุดแข็งและจุดอ่อนของทีมได้อย่างชัดเจน และใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการพัฒนาและปรับปรุงกลยุทธ์การขาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลลัพธ์ในการทำงานของทีมขายในระยะยาวนั่นเอง

สำหรับทีมขายแล้ว Sales Performance มีความสำคัญในหลาย ๆ มิติ ตั้งแต่เรื่องของการเพิ่มรายได้กำไร เมื่อทีมขายมีประสิทธิภาพก็จะส่งผลให้ธุรกิจเติบโตไปด้วย สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันกับคู่แข่ง สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า จากการวัดผลทีมงานจะต้องพัฒนาทักษะเพิ่มมากขึ้น และยังช่วยให้มีการทำงานร่วมกันที่มุ่งเน้นในการพิชิตเป้าหมาย

7 เทคนิคในการเพิ่ม Sales Performance สำหรับทีมขายของคุณ

เทคนิคที่ 1 กำหนกตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นไปได้

กำหนดเป้าหมายการขายที่ชัดเจนและท้าทายแต่สามารถบรรลุได้ เพื่อให้ทีมขายมีทิศทางและแรงจูงใจในการทำงาน

ยกตัวอย่าง วิธีการตั้งเป้าหมายอย่าง SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound)

  • Specific (เจาะจง) - เป้าหมายต้องมีความชัดเจนและเจาะจง ไม่คลุมเครือ เพื่อให้รู้ได้ว่าต้องการทำอะไร ตัวอย่างเช่น "เพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ A"
  • Measurable (วัดผลได้) - เป้าหมายต้องสามารถวัดผลได้ เพื่อให้รู้ได้ว่าเป้าหมายสำเร็จหรือไม่ ตัวอย่างเช่น "เพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ A ขึ้น 20%"
  • Achievable (ทำได้จริง) - เป้าหมายต้องมีความท้าทายแต่สามารถทำได้จริง ไม่ยากหรือง่ายเกินไป เพื่อให้ทีมขายมีแรงจูงใจในการทำงาน ตัวอย่างเช่น "เพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ A ขึ้น 20% ภายใน 6 เดือน"
  • Relevant (สอดคล้อง) - เป้าหมายต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และกลยุทธ์ขององค์กร เพื่อให้มีความหมายและมีความสำคัญต่อธุรกิจ ตัวอย่างเช่น "เพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ A ขึ้น 20% เพื่อสนับสนุนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่"
  • Time-bound (มีกรอบเวลา) - เป้าหมายต้องมีกรอบเวลาที่ชัดเจน เพื่อให้มีการติดตามและประเมินผลได้ ตัวอย่างเช่น "เพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ A ขึ้น 20% ภายใน 6 เดือน"

เทคนิคที่ 2 ฝึกอบรมและการพัฒนาทีมขายอย่างต่อเนื่อง

การเพิ่มประสิทธิภาพการขายจะต้องเริ่มจากพนักงานที่มีทักษะและมีความรู้ในสินค้าและบริการ ดังนั้นจึงต้องมีการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะพนักงานอยู่อย่างสม่ำเสมอ และวิธีการ กลยุทธ์ใหม่ ๆ ให้พนักงานขายเท่านั้นต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด

ยกตัวอย่าง หัวข้อที่ครอบคลุมทุกด้านการขายและพัฒนาทักษะของทีมขาย

  • ทักษะการสื่อสารและการนำเสนอ เช่น การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ การนำเสนอสินค้าและบริการ การสร้างความประทับใจแรกพบ เทคนิคการเจรจาต่อรอง วิธีการปิดการขายอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการกับการปฏิเสธ
  • การใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือการขาย เช่น การใช้ระบบ CRM ในการติดตามลูกค้า การสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า การวิเคราะห์และใช้ข้อมูลลูกค้าในการขาย
  • การตลาดและการโปรโมตสินค้า เช่น การใช้กลยุทธ์การตลาดในการขาย การสร้างแคมเปญการตลาดที่ดึงดูดการใช้สื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียในการขาย
  • การจัดการเวลาและประสิทธิภาพส่วนบุคคล เช่น เทคนิคการจัดการเวลา การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
  • การเข้าใจผลิตภัณฑ์และบริการ เช่น ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท การเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง การตอบคำถามและข้อสงสัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การติดตามแนวโน้มตลาดและพฤติกรรมลูกค้า

เทคนิคที่ 3 การใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือการขาย

การเพิ่มประสิทธิภาพการขายทีมขายด้วยการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือการขาย เช่น ระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) มีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคดิจิทัลนี้ ซึ่งสามารถช่วยทีมขายในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น

เครื่องมือ CRM ที่ช่วยงานทีมขายในมิติของการจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ การติดตามและวิเคราะห์ผลการขาย การสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้า ปรับปรุงและส่งเสริมประสิทธิภาพการขายได้ดียิ่งขึ้น มีข้อมูลที่ใช้ในการตัดสินใจ เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว

เทคนิคที่ 4 ปรับกลยุทธ์การขาย

การปรับกลยุทธ์การขายอยู่เสมอเป็นวิธีที่สำคัญในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและความต้องการของลูกค้า เช่น การวิเคราะห์ตลาดและลูกค้า รับฟังข้อเสนอแนะจากลูกค้า ทดสอบและปรับปรุงกระบวนการขาย ปรับปรุงประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับ สร้างความประทับใจ และเพิ่มโอกาสในการซื้อซ้ำ รวมถึงการบอกต่อ

เทคนิคที่ 5 ประเมินผลการขายและทีมงานของคุณ

การประเมินทีมขายมีผลอย่างมากต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการขาย เนื่องจากเป็นกระบวนการที่ช่วยให้สามารถระบุและปรับปรุงจุดอ่อน ช่วยเป็นแรงผลักดันและพัฒนา เสริมสร้างให้เป็นจุดแข็งได้ และในขณะเดียวกันก็ประเมินจากยอดขายด้วย เพื่อปรับปรุงแผนการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

เทคนิคที่ 6 การสร้างแรงจูงใจให้ทีมขายของคุณ

จากที่ทีมขายจะต้องหายอดเพิ่มขึ้นให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จะดีไหม ถ้ามีอะไรที่ทำให้พนักงานรู้สึกอยากที่จะพิชิต สิ่งที่จะมากระตุ้นทีมขายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ก็คือการให้รางวัล การชื่นชม หรือให้ในรู้แบบของ commission นอกจากได้รายได้จากเงินเดือนแล้ว ยิ่งทำมากก็ได้มาก การสร้างแรงจูงใจให้ทีมขายช่วยให้พนักงานมีความมุ่งมั่นในการทำงาน มีความสุขในการทำงาน และสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มยอดขายและความสำเร็จขององค์กรในระยะยาว

เทคนิคที่ 7 การสร้างทีมขายที่ดี ด้วยการเลือกคนที่ใช่

การสร้างทีมขายที่ดี ที่จะนำพาทีมประสบความสำเร็จนั้นต้องมีมากกว่าแค่การหาคนที่น่าประทับใจ มีทักษะที่จำเป็นเท่านั้น แต่ยังต้องมีค่านิยมและวิสัยทัศน์ที่เข้ากับทีมขายของเราด้วย และความยืดหยุ่นและการปรับตัวให้เข้ากับสินค้าและบริการ

สรุป

การเพิ่มประสิทธิภาพการขายเป็นกระบวนการที่สำคัญและต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและต่อเนื่อง ด้วยการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะ การใช้เทคโนโลยี การปรับกลยุทธ์การขาย การประเมินผลการทำงาน การสร้างแรงจูงใจ และการสร้างทีมขายที่ดี ด้วยวิธีการเหล่านี้ ทีมขายของคุณจะสามารถเพิ่มยอดขายและสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

ติดตามเกร็ดความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับ CRM และการบริหารงานขายได้ที่
Blog www.veniocrm.com/blog 
Facebook www.facebook.com/veniocrm
Twitter:  www.twitter.com/veniocrm
Youtube
:  
www.youtube.com/veniocrm


Tags

Sales Performance


บทความที่คุณอาจสนใจ

>
Success message!
Warning message!
Error message!