ในการทำธุรกิจทุกวันนี้ การขายไม่ได้หมายถึงแค่ "ปิดดีล" อย่างเดียว มันเกี่ยวข้องกับการสร้างความสัมพันธ์ การแก้ปัญหา และการทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าพวกเขาได้รับคุณค่าจริงๆ จากสิ่งที่เราขาย สำหรับคนที่ทำงานด้านการขายมานาน คงจะรู้ดีว่ากระบวนการขายนั้นมีหลายขั้นตอน และถ้าจัดการแต่ละขั้นให้ดี ยอดขายก็จะตามมาเอง มาดูกันว่าขั้นตอนที่สำคัญ ๆ มีอะไรบ้าง แล้วคุณจะนำไปใช้กับทีมของคุณได้อย่างไร
1. การเตรียมความพร้อม (Preparation)
ก่อนจะก้าวเข้าไปหาใครสักคนเพื่อขายของให้เขา การเตรียมความพร้อมคือขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ คุณต้องรู้จักผลิตภัณฑ์ของคุณแบบทะลุปรุโปร่ง รู้ว่าคู่แข่งของคุณเป็นใคร และรู้ว่าเป้าหมายของคุณต้องการอะไร การเตรียมข้อมูลเหล่านี้จะทำให้คุณพร้อมที่จะรับมือกับคำถามและข้อกังวลต่าง ๆ ของลูกค้าได้อย่างมั่นใจ
2. การค้นหาลูกค้า (Prospecting)
การค้นหาลูกค้าก็เหมือนกับการหาคนที่ "ใช่" ถ้าคุณเริ่มจากกลุ่มลูกค้าที่เหมาะสม โอกาสในการปิดการขายก็จะมากขึ้น การทำความเข้าใจว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายและเข้าถึงพวกเขาอย่างไร เป็นสิ่งที่คุณต้องทำให้แม่น การสร้างเครือข่าย การใช้ฐานข้อมูลเก่า ๆ หรือแม้แต่การใช้โซเชียลมีเดีย ก็เป็นเครื่องมือที่ดีในการหาลูกค้าที่น่าสนใจ
3. การเชื่อมโยง (Connecting)
หลังจากที่หาลูกค้าได้แล้ว การสร้างความสัมพันธ์ในขั้นแรกคือสิ่งสำคัญ อย่าลืมว่าการขายไม่ใช่แค่เรื่องของสินค้า แต่ยังเกี่ยวกับการสร้างความไว้วางใจ ลองตั้งคำถามที่เน้นความต้องการของลูกค้า ฟังพวกเขา และพยายามเข้าใจว่าอะไรคือปัญหาที่พวกเขาอยากแก้ การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณสร้างความประทับใจแรกได้ดี
4. การนำเสนอ (Presentation)
เมื่อได้ทำความรู้จักกับลูกค้าแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ ให้ลูกค้าเห็นได้ชัดเจนว่าผลิตภัณฑ์ของคุณช่วยแก้ปัญหาของพวกเขาได้อย่างไร การนำเสนอที่ดีควรชัดเจน มีเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า และทำให้เขารู้สึกว่าคุณเข้าใจปัญหาของพวกเขาจริง ๆ
5. การตอบข้อโต้แย้ง (Handling Objections)
ไม่ว่าคุณจะนำเสนอได้ดีแค่ไหน ข้อโต้แย้งหรือคำถามจากลูกค้าก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งสำคัญคือการตอบคำถามอย่างมีเหตุผลและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า สิ่งที่คุณต้องทำคือฟังปัญหาเหล่านั้นอย่างตั้งใจ และตอบด้วยวิธีที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าเลือกไม่ผิดที่มาหาคุณ
6. การปิดการขาย (Closing)
มาถึงขั้นตอนที่หลายคนตื่นเต้นที่สุด นั่นคือการปิดการขาย ซึ่งไม่ได้แปลว่าคุณต้องกดดันลูกค้าให้ซื้อทันที แต่เป็นการสร้างบรรยากาศที่ทำให้พวกเขารู้สึกพร้อมที่จะตัดสินใจซื้อ อาจจะเป็นการเสนอโปรโมชั่นพิเศษ การสร้างความรู้สึกว่าผลิตภัณฑ์ของคุณตอบโจทย์ได้จริง ๆ และช่วยทำให้พวกเขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
7. การติดตามผล (Follow-up)
สุดท้ายนี้ การติดตามผลเป็นเรื่องที่สำคัญมาก อย่าคิดว่าจบที่ปิดการขายแล้ว เรื่องราวของลูกค้าจะจบลงด้วย การติดตามผลหลังการขายช่วยสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว ซึ่งนอกจากจะทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำแล้ว ยังอาจทำให้พวกเขาแนะนำคุณให้คนอื่นอีกด้วย ลูกค้าที่รู้สึกได้รับการดูแลดีมักจะกลายเป็นลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์
Venio ผู้ช่วยสำคัญที่ทำให้ทุกขั้นตอนการขายง่ายขึ้น
เมื่อคุณอ่านมาถึงจุดนี้ อาจจะคิดว่าการจัดการขั้นตอนทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะต้องใช้พลังและการวางแผนเยอะมาก ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็ใช่! แต่จะดีกว่าไหมถ้ามีตัวช่วยอย่าง Venio ระบบ Sales CRM ที่สามารถทำให้ทุกขั้นตอนเหล่านี้ง่ายและเป็นระบบมากขึ้น
Venio ช่วยให้คุณไม่พลาดทุกโอกาสสำคัญ เพราะทุกการติดต่อและข้อมูลการขายจะถูกรวบรวมไว้ในที่เดียว คุณจะเห็นภาพรวมของทุกดีลได้ชัดเจน และสามารถวางแผนการขายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การติดตามผลก็กลายเป็นเรื่องง่าย และที่สำคัญคือช่วยให้ทีมของคุณทำงานได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นทีมเล็กหรือใหญ่ Venio จะช่วยให้คุณโฟกัสไปที่การเพิ่มยอดขาย และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้อย่างยั่งยืน
ลงทะเบียน โปรแกรม Sales CRM ใช้ฟรี
ติดตามเกร็ดความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับ CRM และการบริหารงานขายได้ที่
Blog: www.veniocrm.com/blog
Facebook: www.facebook.com/veniocrm
Twitter: www.twitter.com/veniocrm
Youtube: www.youtube.com/veniocrm